วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

Zymnergy เอนไซม์สมอง สายตา สื่อประสาท ระบบการเชื่อมต่อ

Zymnergy
September 3, 2016
ไซม์เนอร์จี้ นวัตกรรมด้านงานวิจัย  สมอง สายตา สื่อประสาท ระบบการเชื่อมต่อ
ระบบประสาท (ระบบสื่อสารภายในร่างกายมนุษย์)
การส่งสัญญาณสั่งการ อวัยวะต่างๆ จากสมอง การแปลความหมาย ภาพที่ตามองเห็น  เสียงที่หูได้ยิน   รส ที่ลิ้นแตะ    กลิ่นที่จมูกได้ยิน  สัมผัส ที่กระทบผิวหนัง ที่มือ และทั้งร่างกาย  เกิดเป็นอารมณ์ ที่แสดงออกมา   ระบบความจำ และการดึงข้อมูลในสมองออกมา ถ้าระบบประสาทมีปัญหา  ทำให้การสื่อสารในระบบประสาท เชื่องช้าลง จะมีผลต่อสายตา การฟัง อารมณ์ ความจำ การเดิน การกิน การย่อยอาหาร การขับถ่าย  การหายใจ การตัดสินใจ ความเป็นผู้นำ ฯลฯ 













จากรูป : ร่างกายมี ระบบประสาท แยกเป็น 2 ระบบ

เซลล์ประสาท (Nerve cells)

      มีความสามารถเปลี่ยนพลังงานจากรูปหนึ่งไปอีกรูปหนึ่งได้ โดยเปลี่ยนจากพลังงานเคมี เป็นสัญญาณไฟฟ้า กระโดดข้ามช่องว่าง สู่เซลล์ต่อไปได้


ไซแนปส์ (Synapse) หรือ จุดประสานประสาท
       เป็นช่องว่างพิเศษระหว่างส่วนแรก คือ เซลล์ประสาทก่อนไซแนปส์ กับส่วนที่สองที่อาจเป็นเซลล์ประสาทหลังไซแนปส์ หรือเซลล์ชนิดอื่น เช่น เซลล์กล้ามเนื้อลาย และเซลล์ของต่อม เป็นต้น ไซแนปส์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
ไซแนปส์เคมี (Chemical synapse) เป็นไซแนปส์ที่ใช้สารเคมีที่เรียกว่าสารสื่อประสาทเป็นตัวสื่อสาร ไซแนปส์ชนิดนี้พบได้เกือบทั้งหมดในระบบประสาทของมนุษย์ที่โตเต็มที่แล้ว ดังนั้นไซแนปส์ในความหมายโดยทั่วไปจึงหมายถึงไซแนปส์เคมี
ไซแนปส์ไฟฟ้า (Electrical synapse) มีโครงสร้างและการทำงานที่ไม่ซับซ้อน โดยเกิดจากการเคลื่อนย้ายกระแสไฟฟ้าระหว่างเซลล์ที่อยู่ติดกันผ่านทาง แกปจังชัน (gap junction) ไซแนปส์ชนิดนี้มีความสำคัญในการเจริญพัฒนาของสมองในระยะตัวอ่อน (เอ็มบริโอ)
เทคโนโลยี ทางชีวภาพ ระดับที่เล็กกว่านาโน  PICO ไบโอเทคโนโลยี Pro. & Pre. Biotic  


ตัวอย่างที่เข้าใจกันทั่วๆไป จุลินทรีย์ (โพรไบโอติค) + อาหารจุลินทรีย์ (นม) คือ พรีไบโอติค










ZYMNERGY    ส่วนประกอบสมุนไพร ธรรมชาติ 

Tang Chao Mushroom (Cordyceps) หญ้าเป็นหนอน ตังทั่งเช่า 
     สรรคุณซ่อมแซมไต เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และสร้างพลังชีวิต ลดอาการปวดเมื่อย ภูมิแพ้ ไอเรื้อรัง หอบหืด  ละลายเสมหะ ลดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ปวดเอว กระดูกที่หัวเข่าอ่อนล้า   เป็นยาชูกำลังสำหรับผู้ป่วยที่พักฟื้น





โปรตีนจากถั่วเหลืองหมัก

    เอนไซม์ คือโปรตีนที่มีชีวิต จะทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย    สร้างความสมดุลของธรรมชาติ   สารต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย    เพิ่มออกซิเจนไปยังเซลล์และกล้ามเนื้อ  เพิ่มพลังงาน ให้ความสดชื่นและแข็งแรงต่อกล้ามเนื้อ



สารสกัดที่ได้จากใบแปะก๊วย  (Ginkgo Biloba) :
     สารฟลาโวนอยด์ และสารเทอปินอยด์ สามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมในวัยชราได้   ซึ่งสารทั้งสองกลุ่ม มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง    ป้องกันการรวมตัวของเกล็ดเลือด เพราะเมื่อสมองขาดเลือดขึ้นไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อในที่สุด   ส่งผลต่อการทำงาน และประสิทธิภาพของสมอง ทำให้เกิดอาการหลงลืมมากขึ้นในวัยชรา


Marigold Flower Extract (Zeaxanthin)
      ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่กับแสงสว่างจ้า กลางแดด ผู้ที่ต้องขับรถกลางคืนบ่อยๆ ผู้ที่โดนแฟลซ ดูโทรทัศน์มากและนาน ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ รวมทั้งมะเร็งเต้านม



ซีแซนทีนเป็นพลังธรรมชาติ สารต้านอนุมูลอิสระ
      ที่ช่วยปกป้องดวงตาโดยการดูดซับแสงสีฟ้าที่สร้างความเสียหาย    ลดแสงสะท้อน แสงสีฟ้าสามารถทำให้เกิดความเครียด   ออกซิเดชันที่เป็นอันตรายอยู่ในสายตา    ซีแซนทีนช่วยปกป้องเซลล์และเยื่อหุ้มที่เป็นอันตรายโดยการลด อนุมูลอิสระในจอประสาทตา    ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาโดยการลดอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องจอตาจากการถูกทำลายโดยแสงสีฟ้า และแสงใกล้อัลตร้าไวโอเลต (Ophthalmoprotective)เช่น แสงจากจอคอมพิวเตอร์ แสงจากดวงอาทิตย์  ป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-Related Macular Degeneration; AMD) ซึ่งเป็นภาวะความเสื่อมที่เกิดขึ้นบริเวณ Macula ของจอตา ถ้าชั้นเม็ดสีบริเวณนี้ถูกทำลายมากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนที่ใช้รับ ภาพได้ (Photoreceptors) อาจส่งผลให้การรับภาพและการมองเห็นสูญเสียไป  มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ทั่วร่างกาย


Gotu Kola extract (ใบบัวบกฝรั่ง) 
      เป็นสมุนไพรยอดนิยมของชาวตะวันตก ประสิทธิภาพการผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียดจากการทำงานหนัก ปรับปรุงระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ หรือปฏิกิริยาตอบ สนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวเรา    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำได้เป็นอย่างดี     มีสารไกลโคไซด์หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งส่งผลให้ลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่างๆของร่างกายได้  เป็นที่รู้จักกันดี ใช้ต้านอนุมูลอิสระ   ช่วยลดอัตราการเสื่อมของเซลล์ลง   ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผลิตคอลลาเจน


L-Glutamine
       ช่วยลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ โดยการช่วยทำลาย กรดแลคติค (Lactic Acid) ที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ ในขณะที่ออกกำลังกายได้     ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น และ Glutamine ยังช่วยลดการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อ (Muscular Dystrophy) อีกทางหนึ่งด้วย   ในนักกีฬาที่ใช้สมองมาก Glutamine ยังเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับสมอง     ช่วยให้สมองมีการทำงานที่ดีมากขึ้น โดย L-Glutamine จะทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้น (Precursor) ในการผลิตสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) คือL-Glutamate และ GABA (Gamma-Amino Butyric Acid)  L-Glutamine ยังเป็นสารที่จำเป็นที่ต้องใช้สำหรับการล้างพิษสารแอมโมเนียที่เกิดขึ้นจากการทำงานหนักของสมองอีกด้วย

L-Tyrosine (แอล-ไทโรซีน)
 เป็นกรดอะมิโน (Amino Acid) ชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้จากกรดอะมิโน แอล-เฟนิลอะลานีน    เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทหลายชนิด แนะนำให้ใช้สำหรับป้องกันอาการหดหู่ซึมเศร้า (Depression) ผู้ป่วยที่มีภาวะความจำเสื่อม (Dementia)  ผู้ที่มีความผิดปกติของอารมณ์    มีความเครียดสูงหรือนอนไม่หลับ   บรรเทาอาการหลงลืม (Mental Retardation) เนื่องจากการขาดสารสื่อประสาทในสมอง (Neurotransmitters)

Soy Inositol
 ช่วยป้องกันและสลายคลอเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด   Phosphatidylcholine ซึ่งการให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภทอะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำและความ สามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น    ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น    ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)   ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท   ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น การใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer disease)   สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีอาการปวดเส้นประสาท, ความ                                                             ผิดปกติของความหวาดกลัว, คลอเลสเตอรอลสูง หลับ, มะเร็ง, ซึมเศร้า, จิตเภท, สมองเสื่อม โรคของความสนใจความผิดปกติของการขาดดุล hyperactivity (ADHD), ออทิสติก,การส่งเสริมผม เติบโต ผิว โรคที่เรียกว่า โรคสะเก็ดเงินและการรักษา ผลข้างเคียงของการรักษาทางการแพทย์ที่มี ลิเธียม.   ใช้สำหรับการรักษาที่เกี่ยวข้องกับ โรครังไข่ รวมทั้งล้มเหลวในการ ovulate; ความดันโลหิตสูง, ไตรกลีเซอไรด์ และระดับสูงของฮอร์โมนเพศชายรู้หรือไม่? ประโยชน์ อิโนซิทอล (Inositol) น่าอัศจรรย์มาก ส่งเสริมสุขภาพผมแข็งแรง และการเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น   ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล และ สามารถป้องกันไม่ให้สร้างไขมันในผนังเซลล์ของหัวใจหลอดเลือดสมองโดยการทำลายลงไขมัน ไขมันน้อยในหลอดเลือด       สามารถรักษาภาวะซึมเศร้าและอารมณ์แปรปรวน. และทำให้มีสายตาดี สวยธรรมชาติ มีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทตามธรรมชาติ   สามารถช่วยให้ทารกที่มีปัญหาทางเดินหายใจ. โดยช่วยลดการเสียชีวิตและความพิการ เมื่อเสริม Inositol ลดอัตราการตายของภาวะแทรกซ้อน ที่ปอด  และเลือดออกในสมอง    ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับกรด phytic    
ช่วยรักษาโรคปลายเส้นประสาทอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ลดอาการท้องผูกทำให้เกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อมากเกินไปในลำไส้ และทางเดินอาหาร  บรรเทาอาการปวดท้อง จากอาการท้องผูก

GLUCOMANNAN (Amorphophallus campanulatus) Extract (หัวบุกสกัดผง)
       มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียแกรมบวก และ แกรมลบที่ก่อเกิดโรคได้ผลดี     มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเสียหายที่ตับ จากการได้รับพาราเซตามอล    มีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวด   ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน   มีสาร Phytochemicals ช่วยในการกำจัดพยาธิ    มีผลต่อกิจกรรม สมองส่วนกลาง ทำให้ใจเย็นขึ้น   ต่อต้านความเครียดออกซิเดชั่น Thioacetamide   ใช้เป็นสารลดความเครียด Anticonvulsant แก้การชัก  ลดพิษ และต้านมะเร็ง

Bilberry (Vaccinium myrtillus)
ได้รับใช้ในการแพทย์ออสเตรียแบบดั้งเดิมใช้ สำหรับการรักษาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและโรคเบาหวาน  ใช้สำหรับปัญหาการไหลเวียนโลหิตเป็นวิสัยทัศน์ของโรคเอดส์และการรักษาโรคท้องร่วงและเงื่อนไขอื่น   มีประสิทธิภาพสำหรับปัญหาเกี่ยวกับจอประสาทตาของตา  ในผู้ที่ มีโรคเบาหวาน  หรือโรคความดันโลหิตสูง





ลูทีน (Lutein) 
ประโยชน์เพื่อสุขภาพตาเป็นตัวกรองพลังงานสูงความยาวคลื่นของแสงสีฟ้า ที่เป็นอันตรายต่อตา   ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในดวงตาช่วยปกป้อง  รักษาเซลล์ในจอประสาทตา ให้มีสุขภาพดี   การป้องกันโรคต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับอายุ  ลดความเสี่ยงของโรค AMD (Age-related Macula Degeneration) หรือจอประสาทตาเสื่อม  เป็นโรคที่พบในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และเป็นสาเหตุที่ทําให้ผู้ป่วยเกิดภาวะตาบอด ได้ จากการสํารวจโดยองค์การอนามัยโลกปี พ.ศ. 2552 โรค AMD เป็นสาเหตุอันดับ 4 ของภาวะ ตาบอดในประชากรทั่วโลก โดยพบรองจากโรคต้อกระจก สายตาผิดปกติที่ไม่ได้รับการแก้ไข


จากรูป : ทดสอบ การตรวจโรค AMD
1. ใข้มือปิดตาซ้าย ถือตารางแอมสเลอร์ในระยะอ่าน หนังสือ ห่างจากตาประมาณ 1 ฟุต (ให้สวมแว่นสายตา แว่นอ่านหนังสือ หรือคอนแทคเลนส์ได้ตามปกติ)
2. ใช้ตาขวามองที่จุดดําเล็กๆกลางภาพ พยายามเพ่ง มองที่จุดนี้ตลอดเวลา
3. สังเกตดูว่ามีตารางส่วนใดที่บิดเบี้ยว หรือมีเงาดําบัง หรือไม่ ถ้ามี...แสดงว่าคุณอาจจะเริ่มมีอาการของโรค AMD   ควรรีบไปพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
4. ทดสอบตาซ้าย โดยเอามือปิดตาขวา และปฏิบัติตาม ขั้นตอนข้างต้นอีกครั้ง
 **การทดสอบนี้แม้จะมีประโยชน์ในการทดสอบความผิด ปกติของตาเบื้องต้น แต่ไม่สามารถนํามาใช้ทดแทน การตรวจตาเป็นประจําทุกปีโดยจักษุแพทย์ โดยเฉพาะ ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปได้



ทอรีน (Taurine)
  เป็นกรดอะมิโน ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท มีผลดีต่อการทำงานของต่อมหมวกไต ทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนเพศ  พบมากในเนื้อเยื่อหัวใจ กล้ามเนื้อลาย และระบบประสาทส่วนกลาง   ร่างกายจำเป็นต้องใช้ทอรีน ในการย่อยไขมัน การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน และในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด   ช่วยให้หัวใจทำงานได้แข็งแรงขึ้น   เพิ่มการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ สำหรับผู้ชายที่เป็นหมัน (Male Infertility) อันเนื่องจากSperm ไม่เคลื่อนที่หรือไม่มีกำลังเคลื่อนที่ ซึ่งทอรีนจะช่วยให้สภาวะดังกล่าวดีขึ้นได้  สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง(Hypertension) โดยกลไกจะทำงานเกี่ยวข้องกับระบบ Renin-Angiotension ของไต ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมความดันโลหิต   ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท จึงพบทอรีนมาก ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งกระแสประสาท เช่น สมองส่วนกลาง และพบมากในอวัยวะ ที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัส และแหล่งรวมกระแสประสาททั้งหลาย นอกจากนี้ยังพบทอรีนมากในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อลาย และหัวใจ   ส่งเสริมการทำงานของอินซูลิน   ทอรีนช่วยในการทำงานของตับและตับอ่อนโดยการสร้าง Taurocholate ซึ่งจะไปช่วยทำให้ไขมันที่รับประทานเข้าไปแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ สามารถถูกย่อยและเผาผลาญได้ง่ายขึ้น ร่างกายของเราจึงสามารถนำพลังงานเหล่านั้นไปใช้เป็นกำลังงานในการทำกิจกรรม ต่างๆ ได้เร็วขึ้น  บำรุงดวงตา ช่วยการทำงานของเรตินาในการรับแสง ป้องกันเรติน่าจากการทำลายของแสงที่รุนแรงและสารเคมีต่างๆ   เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว  ช่วยปกป้องปอด โดยป้องกันเนื้อปอดไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ  ช่วยในการป้องกันโรควิตกกังวลและโรคลมชัก
สังกะสี อะมิโน
ประสิทธิผล สังกะสียังช่วยเร่งกระบวนการรักษาหลังจากได้รับบาดเจ็บ   ประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขาดธาตุสังกะสี อาจมีผลกระทบในแทบทุกส่วนของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์      ประสิทธิภาพของสารสังกะสีเมื่อนำมาใช้เพื่อลดระยะเวลาหรือความรุนแรงของหวัด     สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคตา มีประสิทธิภาพ  โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับอายุ จอประสาทตา ที่เสื่อมสภาพ   การดูดซึมสังกะสีสู่ร่างกายน้อย จะที่มีผลต่อความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้อัตราการตายของทารกสูง  การขาดสังกะสี มีผลต่อยาปฏิชีวนะ ทำงานช้าลง ในระบบทางเดินอาหาร และกระเพาะ  สังกะสีทำลายเซลล์ มะเร็งที่ต่อมลูกหมากได้ดี

ZYMNERGY เหมาะสำหรับ             

* ผู้ที่มีปัญหา จอประสาทตา เปลี่ยนแปลงสภาพ เนื่องจากโรคเบาหวาน
* ผู้ใช้สายตามาก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำงานกลางแดดจ้า
* ผู้ที่ต้องขับรถกลางคืนบ่อย (ขับรถบรรทุก ขับแท็กซี่)
* ผู้สูงอายุ ที่มีตาฝ้าฟาง น้ำตาไหลเมื่อเจอแสงจ้า
* ผู้มีสายตายาว วุ้นในตาเสื่อม เยื่อบุตาอักเสบ ต้อกระจก ต้อหิน
* ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง  ผู้ที่มีปัญหาจอประสาทตา/เลนส์ตา มีการเปลี่ยนแปลง
* ผู้ที่ โดนแสงแฟลช (flash) มาก ดูทีวีนาก และนานๆ
* ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งเต้านม
* ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า สมองขาดอาหาร จึงเสื่อมลง
* ผู้ที่กินอาหารมากไป ผู้ที่หลอดเลือดแข็ง ทำให้เป็นโรคความจำสั้น
* ผู้ที่สูบบุหรี่จัด นำไปสู่การเป็นโรคสมองฝ่อ และโรคอัลไซเมอร์
* ผู้ที่ชอบทานของหวานมากเกินไป
* คนที่อดนอนมากเกินไป ทำให้เซลล์สมองตายเร็ว
* ผู้ที่สูดอากาศที่เป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้สมองขาดแคลนออกซิเจน จึงทำให้ประสิทธิภาพการสั่งงานของสมองลดลง
* ผู้ที่ต้องทำงานที่ต้องใช้ความคิด และสมาธิสูงๆ
* เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงประเภทหนึ่ง มักเกิดกับกล้ามเนื้อเล็กๆ บริเวณใบหน้า โดยมีการทำงานสื่อสารกันระหว่างเส้นประสาท และกล้ามเนื้อลายผิดปกติ
* โรคมัยแอสทีเนีย กราวิส ไม่ใช่โรคใหม่แต่เป็นโรคที่มีมานานแล้ว มีบันทึกว่าพบผู้ป่วยโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส มาตั้งแต่ 300 ปีก่อน เริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปี 
* มีอาการหนังตาตก ตาพร่ามัว พูดไม่ชัด เคี้ยวและกลืนลำบาก เพราะมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า  
* กล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรงลงได้ รวมทั้งกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับระบบหายใจ ทำให้หายใจลำบาก ไอไม่ได้ หรือหากรุนแรงมากๆ 
* ระบบหายใจล้มเหลว 
สาเหตุ 4 ประการที่ทำให้เกิดโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส ได้ คือ
ร่างกายผู้ป่วยสร้างแอนติบอดี้ต่อโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับสารอะซิติลโคลีน โดยมักพบว่า ในตัวผู้ป่วยโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส จะมีโปรตีนตัวรับสารอะซิติลโคลีน น้อยกว่าคนปกติถึงหนึ่งในสาม เพราะร่างกายสร้างแอนติบอดี้มากำจัดโปรตีนชนิดนี้ไปเกือบหมด
สารอะซิติลโคลีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ ไม่สามารถทำงานได้ แม้ร่างกายจะหลั่งสารนี้ออกมาอย่างปกติ เนื่องจากโปรตีนตัวรับถูกทำลายโดยแอนติบอดี้ที่ร่างกายสร้างขึ้น
กรรมพันธุ์ พบผู้ป่วยโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส บางรายมีญาติพี่น้องป่วยเป็นโรคเดียวกันนี้เช่นกัน แม้ส่วนใหญ่จะพบว่า โรคมัยแอสทีเนีย กราวิส มักเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ตาม
ความผิดปกติของต่อมไธมัส ทำให้เกิดโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส ได้เช่นกัน โดยพบว่า เกิดจากเนื้องอกถึงร้อยละ 10 และเกิดจากต่อมไธมัสโตผิดปกติมากถึงร้อยละ 70 ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดี้ต่อโปรตีนตัวรับสารอะซิติลโคลีนในปริมาณ สูง จึงส่งผลต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อตามมา

Myasthenia Gravis (grave muscular weakness)
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เอ็มจี - เอแอลเอส อันตรายแค่ไหนนะ?
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALLS (Amyotrophic Lateral Sclerosis ) หรือ โรคเซลล์ประสาท นำคำสั่ง (Motor Neuron Disease; MND) หรือ โรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม"   ไม่จัดว่าเป็นโรคของกล้ามเนื้อโดยตรง   แต่เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือความผิดปกติของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง  จึงทำให้กล้ามเนื้อตามแขนและขาอ่อนแรงลง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด โดยเซลล์เหล่านี้มีอยู่ในไขสันหลังและสมอง เมื่อเซลล์เสื่อม มันจะค่อย ๆ ตายไปในที่สุด        
        สาเหตุของโรคนี้  เกิดจากกลไกภูมิคุ้มกันต่อตนเองผิดปกติ (Autoimmune attack) หรือ  เกิดจากกลไกอนุมูลอิสระ (Free radicals) ทำลายเซลล์ประสาทของตนเอง   ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า การเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังเกิดจากสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ที่เรียกว่ากลูตาเมต (glutamate) กระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์             
      อาการของโรคนี้    ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยจะเริ่มอ่อนแรงตามมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน เช่น เดินแล้วล้มบ่อย สะดุดบ่อย ยกแขนไม่ขึ้น กำมือถือของไม่ได้ หยิบจับของเล็กๆ ได้ลำบาก ลุกนั่งลำบาก ใส่รองเท้าแตะแล้วหลุดง่าย จากนั้นอาการจะเริ่มหนักขึ้นจนลามไปทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อลีบ หรือกล้ามเนื้อเต้นร่วมด้วย   หากเป็นนานเข้าจะมีอาการกลืนอาหารลำบาก สำลักง่าย พูดไม่ชัด พูดเหมือนลิ้นแข็ง ลิ้นลีบ แขนขาลีบ แต่จะไม่มีอาการชา ยังสามารถกลอกตาไปมาได้ กลั้นปัสสาวะ-อุจจาระได้ตามปกติ และมีสติสัมปชัญญะดี   อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายรายไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง และปล่อยอาการต่างๆ ไว้นาน เพราะคิดว่าเป็นโรคอื่น กว่าจะมาพบแพทย์ก็มีอาการหนักแล้ว เช่น   กระบังลมอ่อนแรง จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เพราะมีอาการเหนื่อยง่าย   เวลานอนราบ หรือ มีอาการต้องตื่นกลางดึก เพราะมีอาการเหนื่อย หอบ หายใจลำบาก สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย  ไม่สามารถกลืนอาหารและน้ำได้ด้วย ต้องให้อาหารทางสายยางผ่านจมูกหรือทางหน้าท้อง   ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ    หากอาการหนักมาก ๆ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด เพราะระบบหายใจล้มเหลว และเกิดการติดเชื้อในปอด เพราะสำลักน้ำและอาหาร ระยะเวลาโดยเฉลี่ย ตั้งแต่เริ่มมีอาการจนถึงเสียชีวิต อาจกินเวลาตั้งแต่ 2 ปี ถึง 4 ปี

             
วิธีรับประทาน (Recommended Dosage)                      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น